บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระพุทธเจ้าตรัสรู้


หลวงปู่ชั้วได้อธิบายถึงการปฏิบัติธรรมตั้งแต่พื้นฐานคือ สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานไปแล้ว  ต่อเมื่อก็ถึงตอนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ท่านเขียน ไว้ดังนี้

เมื่อพระพุทธเจ้าทำจบหมดแล้ว ก็รู้ชัดว่า ไม่ใช่หนทางตรัสรู้ เพราะพระองค์ยังทำไม่ถึงพระธรรมกาย

มาถึงตอนนี้ วิชาธรรมกายนั้น ดูเหมือนว่า คุณลุงการุณย์ บุญมานุชจะมีความรู้สูงสุด หลักฐานของผมก็คือ หนังสือที่เกี่ยวกับวิชาธรรมกายนั้น  หนังสือของคุณลุงการุณย์ จะให้คำอธิบายได้ดีที่สุด

ขอยกหลักฐานจากหนังสือ จำนวน 6 เล่ม  สามเล่มแรกคือหนังสือของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ซึ่งจัดพิมพ์โดยหลวงป๋า และหลวงพ่อภาวนาฯ

คู่มือสมภาร
วิชชามรรคผลพิสดาร
วิชชามรรคผลพิสดาร ๒

หนังสือของหลวงพ่อทั้ง 3 เล่มดังกล่าว อ่านแล้วปฏิบัติตามไม่ได้  แต่หลวงป๋า และหลวงพ่อภาวนาฯ ก็ไม่ได้ทำอะไรกับหนังสือดังกล่าว

คุณลุงมาเขียนหนังสืออธิบายวิธีการปฏิบัติของหนังสือทั้ง 3 เล่ม ดังนี้

แนวเดินวิชาหลักสูตรคู่มือสมภาร
แนวเดินวิชามรรคผลพิสดาร
แนวเดินวิชามรรคผลพิสดาร๒

อย่างนี้ ในทางวิชาการ แสดงว่า คุณลุงการุณย์ บุญมานุชมีความรู้สูงกว่า 

อีกประการหนึ่งก็คือ ผลการสอนปฏิบัติธรรมของหลวงป๋ากับคณะศิษย์ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุช 

ผลการสอนของหลวงป๋านั้น จะมีคนเห็นดวงธรรม เห็นกายธรรมไม่มากนัก  ตีเอาเสียว่าประมาณ 30% ต่อการสอนครั้งหนึ่ง

ในขณะที่ผลการสอนของลูกศิษย์ของคุณลุง [ปัจจุบันนี้ คุณลุงไม่ได้สอนแล้ว เนื่องจากผ่าตัดลำคอ ต้องใช้เครื่องช่วยพูด] เอาผมเป็นตัวอย่าง สอนได้ผลประมาณ 95% ขึ้นไป 

ดูตัวอย่างการสอนสักนิดหนึ่ง


ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อจะบอกว่า ตอนนี้คุณลุงจะใช้ศัพท์เกี่ยวกับกายโลกุตระต่างๆ ว่า “กายธรรม”  เช่น กายธรรมพระโสดา กายธรรมพระอรหัต เป็นต้น

คำว่า “ธรรมกาย” นั้น เอาไว้ใช้คำ “วิชา” เป็น วิชาธรรมกาย เพื่อไม่ให้คนฟังสับสน

ที่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะบอกว่า ในเมื่อคนที่มีความรู้สูง มีการเปลี่ยนแปลงศัพท์ในวิชาบ้าง ก็ควรที่จะรับฟัง และนำกันไปใช้ต่อ

เวลานั้นพระองค์ทำได้เพียงกายมนุษย์ละเอียด ทิพย์ รูปพรหม และอรูปพรหมเท่านั้น ก็รู้แน่ว่าไม่ใช่หนทางตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ

ข้อความในส่วนนี้ ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่า “ทำไม เจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงรู้ว่า หนทางนี้ใช่ หนทางนี้ไม่ใช่

การที่เห็นกายในกายอย่างชัดแจ้งนั่นแหละ เป็นตัวบอกว่า สิ่งไหนใช่ สิ่งไหนไม่ใช่  นี่หมายความว่า เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญบารมีครบถ้วนแล้วด้วยนะ

คนไหนที่บำเพ็ญบารมียังไม่ครบ  ยังไงๆ ก็ไม่รู้

จึงต้องเสด็จไปบำเพ็ญโดยลำพังพระองค์เองอยู่ถึงหกปี ที่พระองค์ทำโดยยากลำบากนั้น ก็เพราะพระพุทธเจ้าภาคกลาง และภาคดำนั้นคอยเป็นมารขัดขวางอยู่

ไม่ใช่แต่จะขัดขวางพอดีพอร้าย ขัดขวางกันอย่างฉกาจฉกรรจ์ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าภาคอื่นคอยขัดขวางแล้ว พระองค์ก็ทำได้ง่าย แล้วก็ไม่รู้เรื่องด้วยว่า มีมารคอยขัดขวาง

ต่อเมื่อได้สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จึงรู้เรื่องมาร พระองค์บำเพ็ญบารมีอยู่ช้านาน ถึงกับต้องอดอาหารและกลั้นหายใจ เพราะมารคอยขัดขวางไว้

แต่อาศัยที่พระองค์มีความเพียรกล้า กับทรงพระปัญญา รู้จักเปลี่ยนแปลงหนทางปฏิบัติ ภายหลังกลับฉันจังหันให้พระวรกายมีกำลัง

จนกระทั่งได้ฉันข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา แล้วเอาถาดทองลงลอยในแม่น้ำเนรัญชรา ทรงอธิษฐานทดลองดูพระบารมีของพระองค์ว่า จะสำเร็จพระโพธิญาณหรือไม่

ถ้าพระองค์จะได้สำเร็จแก่พระโพธิญาณก็ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำนี้ขึ้นไป ถ้าจะไม่สำเร็จแก่พระโพธิญาณก็ขอให้ถาดทองลอยตามน้ำ

พอทรงอธิษฐานแล้วก็ทรงวางถาดทองลงในแม่น้ำเนรัญชรา ถาดทองก็ลอยทวนน้ำขึ้นไปไกลได้ ๒๐ วาของพระองค์แล้วจมลง พระองค์เห็นประจักษ์ ก็แน่พระทัยว่า จะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ

ครั้นเวลาเย็นได้ทรงรับหญ้าคาแปดกำมือที่พราหมณ์ชื่อ โสตถิยพราหมณ์ น้อมนำมาถวาย แล้วเอาไปทรงลาดลงที่โคนไม้ศรีมหาโพธิที่จะตรัสรู้

ก็ทรงอธิษฐานทดลองดูอีกว่า ถ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่แล้ว ก็ขอให้เกิดเป็นบัลลังก์แก้วขึ้นเหมือนอย่างคำอธิษฐาน พอสิ้นคำอธิษฐานแล้วก็เกิดเป็นบัลลังก์แก้วสูง ๑๔ ศอกเหมือนคำอธิษฐาน

เมื่อพระองค์เห็นประจักษ์ดังนั้นก็หมดความสงสัย ก็เสด็จขึ้นนั่งบัลลังก์ ตั้งพระทัยว่าถึงเลือดเนื้อและดวงใจจะเหือดแห้ง หรือกระดูกจะกองอยู่ที่นี้ก็ตามเถิด

ถ้าพระโพธิญาณไม่บังเกิด เป็นไม่ลุกจากบัลลังก์นี้เป็นอันขาด

ที่พระองค์จะปักพระทัยหมายมั่นปล่อยชีวิตลงได้ก็เพราะเห็นความอธิษฐานของ พระองค์ปรากฏขึ้นแน่แท้ว่าจะได้ตรัสรู้แน่โดยไม่ต้องสงสัย

ตรงนี้ ขอให้สังเกตไว้ให้ดีว่า ในการอธิษฐานบารมีนั้น มันต้องมีเหตุมีปัจจัยประกอบ  เจ้าชายสิทธัตถะนั้น ลองอธิษฐานมา 2 อย่างแล้ว ประกอบกับบำเพ็ญบารมีมานานแล้ว จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่า คราวนี้ต้องบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแน่ จึงกล้าเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

สมมุติเป็นพวกเรา พออ่านหนังสือแล้ว ประทับใจมาก  ไปอธิษฐานว่า ต่อไปนี้ จะนั่งปฏิบัติธรรม จนเห็นดวงธรรม ถ้าไม่เห็นดวงธรรม ก็ขอให้มันตายไปเลย จะไม่ลุกขึ้นเด็ดขาด

ผลก็จะออกมาแบบนี้  นั่งได้ไม่เกิน 5 นาที ก็ขอยกเลิกคำอธิษฐาน เดี๋ยวไปอธิษฐานใหม่พรุ่งนี้ก็ได้ ทำนองนั้น

เหตุว่า พระองค์มั่นพระทัยแน่แล้วก็หลับพระเนตร เข้ากายในกายตั้งแต่กายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม สับกายซ้อนกาย จนใสเป็นแก้วดีแล้วหมดทุกกาย

แล้วเข้าไปนิ่งอยู่ในกลางดวงจตุตถมรรคของกลางกายอรูปพรหม

ตอนเมื่อ ธรรมกายจะเกิดขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นนั้น มารลุกพรึบทีเดียวพร้อมกันหมดทั้งพระยามารและเสนามาร พระพุทธเจ้าภาคมารขัดขวางกันอย่างฉกาจฉกรรจ์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น