บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ธรรมกาย ธรรมเก ธรรมโกง ธรรมโกย



หลวงปู่ชั้ว หรือพระครูวินัยธรท่านเป็นญาติกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ อายุมากกว่าหลวงพ่อ แต่มาเรียนวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ

หลวงปู่ชั้วได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับ ธรรมกาย ธรรมเก ธรรมโกง ธรรมโกย ไว้ ดังนี้

โอวาทของท่านพระครูวินัยธร (ชั้ว โอภาโส) เรื่อง เป็นธรรมกายแล้ว อย่าเป็นธรรมโกย ธรรมเก ธรรมโก

เมื่อพบเห็นพระพุทธเจ้าหมดแล้ว จะเข้าไปถวายนมัสการท่านได้ และจะทูลถามท่านได้ ติดขัดเรื่องอะไร ทูลถามท่านจะบอกหมด

แต่ว่า ถ้าจะทูลถามพระพุทธเจ้าต้องนิ่งให้สนิทนะ ถ้านิ่งไม่สนิทหละ ไม่ได้ยินเสียงท่าน

จะเห็นแต่พระโอษฐ์ท่านงาบๆ อยู่เท่านั้น เพราะเรานิ่งไม่พอ ถ้าเรานิ่งพอหละ พระสุรเสียงดังก้องอย่างฟ้าเชียว ไพเราะ

การที่จะดูอย่างนี้ละ ต้องดูเฉพาะตัวนะ และอย่าไปดูให้ใคร

เมื่อได้ธรรมกายแล้ว จะแก้โรคภัยไข้เจ็บได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเราไม่แก้ได้ละก็ดี หรือเราไม่ดูให้ใครละก็ดี เราไม่ให้เขารู้ว่า เรารู้ได้ละก็ดี

ถ้าว่าให้เขารู้ละก็ หนักเข้าก็มีคนมาหา เมื่อมีคนมาหาเข้าละก็ ทีหลังเราแก้ไขเขาก็จะให้ลาภสักการะ นี่มันจะกลายเป็นหมอดูไป

เมื่อกลายเป็นหมอดูละ หนักเข้าเขาก็ให้ลาภสักการะ ได้เงินได้ทอง เกิดโลภขึ้น เมื่อเกิดโลภขึ้นแล้วก็กลายเป็น ธรรมโกยหละ

ทีหลังเวลาเขาจะมาหา ก็จะคิดเอาเงินเอาทองเขา เมื่อเกิดโลภขึ้นเช่นนั้น ธรรมกายนี่เป็นของบริสุทธิ์ หนักเข้าก็มืดไปเสีย ไม่งั้นก็ดับสูญหายไปเสีย

บางที เมื่อทำสิ่งใด เมื่อสติมันเกิดเป็น ธรรมเกขึ้น

เมื่อเป็นธรรมเกขึ้นแล้ว ที่นี้มันก็จะต้องเกิดเป็น ธรรมโกงหนักเข้าก็จะต้องหลอกลวงเขาเลี้ยงชีวิต เมื่อดับมืดเสียแล้ว

นี่เป็นแต่ครั้งพุทธกาลแล้วที่เป็น ธรรมกาย ธรรมเก ธรรมโกง

ธรรมโกงนี่นะ พระเทวทัต น่ะ นั่งธรรมกายดีกว่าเดี๋ยวนี้มากมาย ถึงกับเหาะไปในอากาศได้

แต่ทีนี้ไปติดลาภเข้า พอพระเจ้าอชาตศัตรูบำรุงบำเรอด้วยภัตตาหารบริบูรณ์ ก็เกิดเป็น ธรรมโกง ขึ้น

ธรรมกายเป็นของบริสุทธิ์ นี่คิดจะฆ่าพระพุทธเจ้า จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง ธรรมกายก็ดับไป เมื่อดับแล้วก็เกิดเป็น ธรรมเก ขึ้น

ที่นี้พระเจ้าอชาตศัตรูก็ไม่เล่นด้วย เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูไม่เล่นด้วย ก็เสื่อมจากลาภสักการะ เกิดเป็นธรรมโกง ไปข้อวัตถุ ๕ ประการ* ต่อพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าไม่ให้ ก็เกิดทำสังฆเภทขึ้น ก็ไปอยู่ในอเวจีนรก เท่านั้น

--------------------------------------------
อ้างอิง
*วัตถุ ๕ ประการคือ
1- ขอภิกษุทั้งหลาย จงเป็นผู้อยู่ป่า
2- ขอภิกษุทั้งหลาย จงเที่ยวบิณฑบาต
3- ขอภิกษุทั้งหลาย จงทรงผ้าบังสุกุล
4- ขอภิกษุทั้งหลาย จงอยู่โคนต้นไม้
5- ขอภิกษุทั้งหลาย อย่าพึงฉันปลาและเนื้อจนตลอดชีวิต

ที่มา : พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ). 2525. ทางมรรค ผล นิพพาน (ธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : ชวนพิมพ์. (หน้า (27) - (28).

จากข้อเขียนของหลวงปู่ชั้วดังกล่าว แสดงว่า การที่มีคนทำวิชาจนได้เห็นกายธรรมแล้ว  มีฤทธิ์มาก ขนาดเหาะเหิรเดินอากาศได้  แต่กายธรรมในตัวก็สามารถดับไปได้เช่นเดียวกัน  โดยหลวงปู่ชั้วยกตัวอย่างเรื่องพระเทวทัต

พระเทวทัตนี่เป็นพระญาติกับพระพุทธเจ้า คือ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และพระเทวทัตยังเป็นพี่ของพระนางยโสธรา (พิมพา) อีกด้วย

พระเทวทัตเกิดความโลภในลาภสักการะขึ้นก่อน  ความผิดความเลวอื่นๆ ก็ตามมา จนกระทั่งกายธรรมดับไป

การที่กายธรรมดับไปนั้น  หลวงปู่ชั้วบอกไม่ได้บอกถึงรายละเอียด  แต่ผมสันนิษฐานว่า “ถูกมารดับ

ตามปกติคนเราโดยทั่วไป จะทำความดี ความชั่ว ความไม่ดีไม่ชั่วอยู่ตลอดเวลา แต่สลับกันไป เช่น  เมื่อทำความดี ในช่วงนั้นก็จะไม่ทำความชั่ว เป็นต้น

คล้ายๆ กับการเล่นเก้าอี้ดนตรี  เราเป็นเก้าอี้ พระพุทธเจ้าภาคพระ พระพุทธเจ้าภาคมาร พระพุทธเจ้าภาคกลาง เป็นผู้เล่น

ถ้าพระพุทธเจ้าภาคมารได้นั่งเก้าอี้ เราก็จะทำความดี  ถ้าพระพุทธเจ้าภาคมารได้นั่งเก้าอี้เราก็จะความชั่ว  สลับกันไป จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ “ใจ” ของเรา

แต่ถ้าเมื่อไหร่  พระพุทธเจ้าภาคมาร “นั่ง” เก้าอี้ได้ตลอดไปนั้น ก็แสดงว่า “มารสามารถกับภาคพระ” ในตัวของเราไปได้แล้ว 

ต่อจากนี้ไป เราก็ต้องทำความชั่วอย่างเดียว

หลวงปู่ชั้ว ท่านมรณภาพไปนานแล้ว  ไม่รู้จักกับสมีเควี่ยธัมมชโย  ถ้าท่านรู้เรื่องราวของสมีเควี่ยธัมมชโย ท่านจะตกใจเป็นอย่างยิ่งที่ว่า  สมีเควี่ยธัมมชโยทำความเลวระยำได้มากพระเทวทัตเสียอีก

ตั้งแต่สมีเควี่ยธัมมชโย เริ่มทำความชั่วมา มันก็ทำความชั่วแบบโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง  ถึง ณ ปัจจุบันการเดินธุดงค์ดาวรวยของสมีเควี่ยธัมมชโย ก็ทำให้คนด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง

หลายๆ คน ก็ด่าหลวงพ่อวัดปากน้ำ กับวิชาธรรมกายเข้าไปด้วย 

คนที่เกลียดสมีเควี่ยธัมมชโยแล้ว ด่าเอามัน โดยด่าหลวงพ่อวัดปากน้ำ กับวิชาธรรมกายไปด้วยนั้น ต้องโดนกรรมหนักเหมือนกัน  ไม่มีการละเว้น

เรื่องนี้ ต้องโทษตัวเอง เพราะ ไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน ด่าเอามันอย่างเดียว ก็คงได้ไปมันต่อในอบายภูมิอย่างสมใจอยาก...สมีเควี่ยธัมมชโย 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น