บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ธาตุธรรม 3 ฝ่าย

หลวงปู่ชั้ว ท่านเขียนเรื่อง ธาตุธรรม 3 ฝ่าย ไว้ดังนี้

แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังแย้งกัน แล้วมนุษย์ล้วนแต่มีธาตุธรรมปนเป็นอยู่ทั้งนั้น ทำไมจะไม่แย้งกัน เข้ากันไม่ได้

เหมือนเชือกสามเกลียว บิดขวาเสียเกลียวหนึ่ง บิดซ้ายเสียเกลียวหนึ่ง ไม่บิดอีกเกลียวหนึ่ง ฟั่นเข้าก็ไม่กินเกลียวกัน เพราะบิดคนละทาง

แล้วต่างก็เอาพระไตรปิฎกบังคับกาย วาจา ใจของสัตว์ เอาพระวินัยปิฎกก็วินัยปิฎกด้วยกัน บังคับกายสัตว์ไว้สำหรับทำ,

เอาพระสุตตันตปิฎกก็สุตตันตปิฎกด้วยกัน บังคับวาจาสัตว์ไว้สำหรับพูด,

เอาพระปรมัตถปิฎกก็ปรมัตถปิฎกด้วยกัน บังคับใจสัตว์ไว้สำหรับคิด

แล้วก็คอยแย่งกันสอดญาณเข้าไปในไส้ญาณสุดละเอียดของตัว บังคับสัตว์เอาตามอำนาจพระไตรปิฎกของตัว

ถ้าภาคขาวสอดเข้าไส้ญาณสุดละเอียดของตัวได้ ก็บังคับกาย วาจา ใจของสัตว์ จะทำจะพูดจะคิด ก็ล้วนแต่ดีเป็นบุญเป็นกุศลไปทั้งนั้น,

ถ้าภาคดำสอดเข้าไปในไส้ญาณสุดละเอียดของตัวได้ ก็บังคับกาย วาจา ใจของสัตว์ จะทำจะพูดจะคิด ก็ล้วนแต่ชั่วเป็นบาปอกุศลไปทั้งนั้น,

ถ้าภาคกลางสอดเข้าไปในไส้ญาณสุดละเอียดของตัวได้ ก็บังคับกาย วาจา ใจของสัตว์ จะทำจะพูดจะคิด ก็เป็นแต่กลาง ๆ ไม่บุญไม่บาปไปทั้งนั้น

สุดแท้แต่ว่าภาคใดเข้าในไส้ญาณสุดละเอียดได้ ภาคอื่นก็เข้าไม่ได้ เปรียบเสมือนตอไม้ที่นั่งได้คนเดียว ถ้าขึ้นนั่งได้เสียคนหนึ่งแล้ว คนอื่นก็ขึ้นไปนั่งไม่ได้ แล้วก็แย่งกันปกครองธาตุธรรมตลอดหมด

ยุคของหลวงปู่ชั้วท่าน ยังไม่มีเกม “เก้าอี้ดนตรี”  การแย่งกันสอดไส้ญาณสุดละเอียดในกายมนุษย์ของธาตุธรรม 3 ฝ่ายนั้น ก็เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรีนั่นแหละ

อีกประการหนึ่ง เป็นความคิดของผมเอง  เท่าที่มีประสบการณ์ในการเป็นวิทยากร ปฏิบัติธรรม อ่านหนังสือลุง ฯลฯ  ในทางธรรมนั้น ต้องมีโลกวัตถุรองรับ และมีส่วนคล้ายกันทั้งหมด

การสร้างบารมีของกายละเอียดต่างๆ นั้น ทำไม่ได้เลย ถ้าไม่มีกายมนุษย์  การที่กายละเอียด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะแสดงฤทธิ์อะไรได้  ก็ต้องมี “สิ่ง” รองรับได้ในโลกมนุษย์

การถ่ายรูปแล้วเห็นดวงธรรมนั้น  ถ้าถ่ายเฉยๆ โดยไม่ใช้แฟลช จะไม่เห็น  แต่ถ้ามีการใช้แฟลชแล้ว มีโอกาสที่จะเห็นมากกว่า

เรื่องธาตุธรรม 3 ฝ่ายนี้ ผมว่ามีลักษณะคล้ายอะตอม ซึ่งเป็นพื้นฐานของจักรวาลในทางวัตถุ  ในอะตอมก็มี 3 ฝ่ายเช่นกัน คือ นิวตรอนเป็นกลาง อิเล็กตรอนมีประจุลบ โปรตอนมีประจุบวก

ทั้งนิพพาน ภพสาม โลกันต์ ไม่มีที่ว่างดินฟ้าอากาศ ล้วนแต่อยู่ในปกครองของสามภาคนี้เท่านั้น ภาคขาวคอยเปิด ภาคดำคอยปิด ภาคกลางไม่เปิดไม่ปิด

ภาคขาวคอยเปิด เห็น จำ คิด รู้ ของสัตว์ ให้เห็นว่า นิพพานมี
ภาคดำคอยปิด เห็น จำ คิด รู้ ของสัตว์ ให้เห็นว่า นิพพานสูญ,
ภาคกลางก็ให้สัตว์เห็นว่า นิพพานไม่มีไม่สูญ

หนทางของภาคขาวล้วนแต่ดีเป็นสุขทั้งนั้น ก็เปิดให้สัตว์เห็นจะได้สร้างแต่ความดี ไปแต่ในทางสุข,

หนทางของภาคดำ ล้วนแต่ชั่วเป็นทุกข์ทั้งนั้น ก็ต้องปิด ไม่ให้สัตว์เห็น จะได้สร้างแต่ความชั่ว ไปแต่ในทางทุกข์,

ส่วนภาคกลาง ไม่ดี ไม่ชั่ว ก็ไม่ปิดไม่เปิดให้สัตว์เห็น จะได้ทำไม่ดีไม่ชั่ว ไปในทางไม่สุขไม่ทุกข์

ทั้งสามทางนี้ตรงกันข้ามทุกอย่าง จึงลงรอยกันไม่ได้เสียเลย ที่โลกเดือดร้อนอยู่วันนี้ เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวไม่สุขไม่ทุกข์ ก็เพราะฤทธิ์สามภาคนี้แหละ

ประมูลฤทธิ์ไม่แพ้กัน แย่งกันปกครองธาตุธรรม ปกครองกันตลอดทั้งนิพพาน ภพสาม โลกันต์

ไม่ผิดอะไรกันกับมนุษย์แลสัตว์ ที่แย่งเขตแย่งแดนกันปกครอง แต่พระพุทธเจ้าปกครองขั้นละเอียด เทวดา มนุษย์ สัตว์ ปกครองกันแต่ที่หยาบ แต่ก็อยู่ในปกครองของพระพุทธเจ้าทั้งสามภาคนี้ทั้งนั้น

ถ้าประเทศใด บ้านใด เมืองใด หมู่ใด ตำบลใด ภาคขาวปกครองได้มากกว่าภาคอื่น ก็บังคับเห็น จำ คิด รู้ ของมนุษย์และสัตว์ในที่นั้นให้ทำแต่ความดีกันทั้งนั้น

เป็นต้นว่า ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ทำผิดกาเม ไม่โกหก ไม่กินเหล้า ทำแต่ความดีกันทั้งนั้น เมตตากรุณาแก่กัน ให้ความสุขแก่กัน ไม่เบียดเบียนกัน ให้แต่ความสุขสบายแก่กันทั้งนั้น

ภาคขาวก็เก็บเหตุที่มนุษย์แลสัตว์ทำดีนั้นไว้แล้วก็ส่งผลลงมาให้ ก็ล้วนแต่ดีทั้งนั้น เป็นต้นว่าให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารก็ให้บริบูรณ์ไม่ฝืดเคือง ผู้คนพลเมืองก็ล้วนแต่สุขสบาย

เมื่อตายแล้วก็ส่งผลให้ไปเกิดในสุขสมบัติ เป็นเทวบุตร เทวธิดา อินทร์พรหม บรมจักรพรรดิตรา

ถ้าจุติจากนั้นมา ถ้าจะเกิดเป็นมนุษย์ก็ส่งผลให้เป็นคนบริสุทธิ์ชั้นสูง เช่นนายกรัฐมนตรี เศรษฐี ท้าวพระยามหากษัตริย์ ถ้าเกิดเป็นพ่อค้า ชาวนา ก็เป็นคนที่มีทรัพย์สินสมบัติศฤงคาร บริวาร ล้วนแต่เป็นสุขสบายทั้งนั้น

ถ้าประเทศใด บ้านใด เมืองใด หมู่ใด ตำบลใด ถูกภาคดำปกครองได้มากกว่าภาคอื่น ก็บังคับเห็น จำ คิด รู้ ของมนุษย์แลสัตว์ในที่นั้นให้ทำแต่ความชั่วทุกอย่างทั้งนั้น

เป็นต้นว่าฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ทำผิดกาเม โกหก กินเหล้า ให้เกลียดชังกัน ให้อิจฉาริษยา เบียดเบียนกัน ฉก ลัก ปล้น สะดม ชกต่อย เตะตี รบราฆ่าฟันกัน ทำแต่ทุกข์ให้กันทั้งนั้น

ภาคดำก็เก็บเหตุชั่วๆ ที่มนุษย์และสัตว์ทำไว้ แล้วก็ส่งลงมาเป็นผลชั่วทั้งนั้น เป็นต้นว่าให้ฟ้าฝนแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพง อดอยาก ลำบาก เจ็บไข้ ล้มตาย เมื่อตายแล้วก็เอาไปลงโทษในนรก ๔๕๖ ขุม

ทนทุกข์เวทนาแสนสาหัส ร้องไห้ครวญครางไม่มีขาดเสียงมีแต่ทุกข์ล้วน ๆ พ้นจากนั้นให้เป็นเปรต อดอยากข้าวน้ำอยู่เป็นนิจ

แล้วให้มาเป็นอสุรกาย แลให้มาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้าให้มาเกิดเป็นมนุษย์ก็ให้เป็นคนเลวทรามต่ำช้า ยากจนอนาถาไร้ทรัพย์ อับปัญญา ใจบาปหยาบช้า เอาดีไม่ได้ ล้วนแต่ทุกข์ทั้งนั้น

ถ้าประเทศใด บ้านใด เมืองใด หมู่ใด ตำบลใด ภาคกลางแย่งเข้าปกครองได้มากกว่าภาคอื่น ก็บังคับเห็น จำ คิด รู้ ของมนุษย์และสัตว์ในที่นั้น ให้ทำแต่กลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว ที่ไม่เป็นบุญเป็นบาป

ภาคกลางก็เก็บเหตุที่ไม่ดีไม่ชั่ว ที่มนุษย์และสัตว์ทำไว้นั้นแล้วก็ส่งผลลงมาให้เป็นแต่กลาง ๆ ไม่ดีไม่ชั่ว

แต่ว่า ท่านผู้ใดได้อ่านหรือได้ฟังหนังสือเรื่องนี้แล้วก็อย่าเพิ่งเชื่อก่อน เพราะไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อหรอก

ข้าพเจ้าก็ไม่อยากให้ท่านเชื่อข้าพเจ้าเหมือนกัน ให้ท่านเชื่อตัวของท่านเองดีกว่า ท่านต้องทำให้มี ให้เป็น ให้เห็นขึ้นเองแล้ว นั่นแหละจึงค่อยเชื่อ

ถ้าท่านจะทำให้มี ให้เป็น ให้เห็นนั้น ต้องทำตามสติปัฏฐานทั้งสี่ ดังที่ข้าพเจ้าจะบอกต่อไปดังนี้ แต่ว่าอย่าเอาคาถาบาลีมาใส่ด้วยเลย เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เรียนพระปริยัติเรื่องอรรถแปลแก้ไขแล้วข้าพเจ้าโง่จริงๆ

ตั้งแต่บวชก็เรียนทำแต่ภาวนาทางวิปัสสนาเท่านั้น อาจารย์ท่านสอนแต่ทางภาวนา จึงไม่รู้ทางพระปริยัติ พูดกันแต่ภาษาไทยล้วน ๆ ดีกว่า ฟังก็ง่ายด้วย


ตรงนี้ ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า วิชาธรรมกายนั้น เป็นสติปัฏฐาน 4 ของแท้ ของจริงอย่างเดียว การสอนของพระพม่าทั้งหมด ไม่ได้เป็นทั้งสมถกรรมฐาน ไม่ได้เป็นทั้งวิปัสสนากรรมฐาน และก็ไม่ได้เป็นสติปัฏฐาน 4 อีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น